
เจาะลึกประเภทเสาเข็มเจาะ เพื่องานฐานรากที่มั่นคง}
เสาเข็มแบบเจาะ ถือเป็น องค์ประกอบสำคัญอย่างยิ่งในงานก่อสร้าง โดยเฉพาะอาคารที่ต้องการความมั่นคงแข็งแรงของฐานราก และลดผลกระทบต่อบริเวณข้างเคียง การตัดสินใจเลือกประเภทเสาเข็มเจาะที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้โครงสร้างอาคารสามารถรับน้ำหนักได้อย่างปลอดภัยและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน บจก. ทียูอัมรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านงานเสาเข็มเจาะ พร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของเสาเข็มเจาะที่นิยมใช้ในปัจจุบัน เพื่อให้ท่านเจ้าของโครงการและผู้รับเหมา ได้เข้าใจและเลือกใช้ได้อย่างถูกต้อง
โดยทั่วไป เราจะแบ่งประเภทเสาเข็มเจาะตามกระบวนการการทำงานหลักๆ ได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ เสาเข็มเจาะระบบแห้ง (Dry Process Bored Pile) และ เสาเข็มเจาะแบบเปียก ซึ่งแต่ละประเภทก็มีลักษณะ ขั้นตอนการทำงาน และความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกันไป
1. เสาเข็มเจาะระบบแห้ง (Dry Process Bored Pile)
เสาเข็มเจาะระบบแห้ง เป็นวิธีการที่ไม่ใช้สารละลายเคมี เช่น เบนโทไนท์ (Bentonite) ในการป้องกันผนังหลุมเจาะระหว่างการทำงาน จึงมักนิยมใช้ในพื้นที่ที่ชั้นดินมีความมั่นคงพอสมควร สามารถคงรูปอยู่ได้เองในระหว่างการเจาะ หรือในบริเวณที่ระดับน้ำใต้ดินอยู่ลึก
ลักษณะเด่นและข้อดีของเสาเข็มเจาะระบบแห้ง:
- ลดผลกระทบด้านแรงสั่นสะเทือนและเสียงดังรบกวน เมื่อเทียบกับเสาเข็มตอก ทำให้เหมาะสมกับงานก่อสร้างในเขตเมืองหรือบริเวณที่มีอาคารข้างเคียงหนาแน่น
- ขั้นตอนการทำงานค่อนข้างตรงไปตรงมาเท่าระบบเปียก ทำให้สามารถควบคุมระยะเวลาและค่าใช้จ่ายได้ดีในระดับหนึ่ง
- สามารถที่จะตรวจสอบสภาพก้นหลุมเจาะได้ด้วยสายตา (ในบางกรณี) ก่อนการเทคอนกรีต
- เหมาะสำหรับเสาเข็มที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่ใหญ่มาก (เช่น 35 ซม., 50 ซม., 60 ซม.) และความลึกระดับปานกลาง โดยทั่วไปไม่เกิน 20-25 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพชั้นดิน
ความเหมาะสมในการใช้งาน: มักใช้กับงานอาคารพักอาศัยทั่วไป, อาคารพาณิชย์ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง, งานต่อเติม, หรือโครงสร้างที่ไม่ต้องการการรับน้ำหนักสูงมากนัก และสภาพดินเอื้ออำนวย
2. เสาเข็มเจาะระบบเปียก (Wet Process Bored Pile)
เสาเข็มเจาะระบบเปียก เป็นวิธีการที่จะต้องใช้สารละลายพยุงหลุมเจาะ เช่น เบนโทไนท์ (Bentonite Solution) หรือโพลิเมอร์ (Polymer Slurry) ฉีดเข้าไปในหลุมเจาะเพื่อช่วยป้องกันดินพังทลายในระหว่างการขุดเจาะ ระบบนี้จึงเหมาะสำหรับการเจาะเสาเข็มขนาดใหญ่และมีความลึกมาก รวมถึงสภาพดินที่ไม่มั่นคง เช่น ดินอ่อน ดินปนทราย หรือบริเวณที่มีระดับน้ำใต้ดินสูง
จุดเด่นและข้อดีของเสาเข็มเจาะระบบเปียก:
- สามารถที่จะเจาะเสาเข็มได้ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ (เช่น 80 ซม., 100 ซม., 120 ซม., 150 ซม. หรือมากกว่า) และมีความลึกได้มาก ตามการออกแบบโดยวิศวกร
- สามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้สูงมาก จึงเหมาะสำหรับอาคารขนาดใหญ่ อาคารสูง หรือโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น สะพาน ทางด่วน
- ลดปัญหาดินพังทลายเข้าสู่หลุมเจาะ ทำให้ได้เสาเข็มที่มีคุณภาพ
- สามารถทำงานได้ในสภาพชั้นดินที่มีความซับซ้อน รวมถึงบริเวณที่มีน้ำใต้ดินตื้น
การใช้งาน: เหมาะสำหรับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่, อาคารสูง, คอนโดมิเนียม, โรงงานอุตสาหกรรม, สะพาน, รวมถึงโครงสร้างที่ต้องการฐานรากที่มีความมั่นคงสูงและสามารถรับน้ำหนักได้มาก
ถึงแม้ว่ากรรมวิธีเสาเข็มเจาะระบบเปียกจะมีความซับซ้อนและต้องอาศัยความชำนาญในการควบคุมมากกว่าระบบแห้ง แต่ก็ให้ผลลัพธ์ด้านความสามารถในการรับน้ำหนักและความมั่นคงของฐานรากที่ยอดเยี่ยมสำหรับโครงการขนาดใหญ่
แนวทางการเลือกใช้เสาเข็มเจาะ
การที่จะเลือกว่าจะใช้เสาเข็มเจาะระบบแห้งหรือระบบเปียกนั้น ต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ อันได้แก่:
- สภาพชั้นดิน: ความมั่นคงของดิน และระดับน้ำใต้ดิน
- ขนาดและน้ำหนักของโครงสร้าง: อาคารสูงหรือโครงสร้างขนาดใหญ่ มักจะต้องการเสาเข็มที่รับน้ำหนักได้มาก
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางและความลึกของเสาเข็ม: ตามผลการออกแบบทางวิศวกรรม
- สภาพแวดล้อมของพื้นที่ก่อสร้าง: ข้อกำหนดเรื่องเสียงและการสั่นสะเทือน, ความกว้างของพื้นที่ทำงาน
- งบประมาณและระยะเวลาโครงการ: ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณา
การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านเสาเข็มเจาะอย่าง บจก. ทียูอัมรินทร์ จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้การตัดสินใจเลือกประเภทเสาเข็มที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุดสำหรับโครงการของท่าน
หากท่านสนใจบริการเสาเข็มเจาะ ทั้งระบบแห้งหรือระบบเปียก รวมถึงต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับงานฐานราก
สามารถติดต่อ บจก. ทียูอัมรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญกว่า 30 ปี
โทร: 084-642-4635
เรายินดีให้บริการและให้คำปรึกษา เพื่อให้โครงการของท่านมั่นคงและเป็นไปตามมาตรฐาน